ผมลองทำการทดลองเล่นๆ ด้วยการนำน้ำมันพรีเมียมของแต่ละปั๊มมาลองทดสอบอัตราเร่งเปรียบเทียบกันดูครับ พยายามคุมตัวแปรต่างๆให้ไกล้เคียงกันมากที่สุด แต่ก็มีบางอย่างที่ควบคุมไม่ได้ด้วยความจำเป็นครับ โดยน้ำมันที่ผมเอามาทดสอบจะเป็นแก๊สโซฮอล 95 ของ 4 ปั๊ม คือ
1. PTT XTraForce (แก๊สโซฮอล 95) น่าจะเป็นน้ำมันปรับปรุงใหม่สูตรธรรมดา ผมตั้งใจเอามาเป็น Benchmark ของการทดลองครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เทคโนโลยีเอ็กซ์ตร้าฟอร์ซ เบนซิน (XtraForce Benzine) นวัตกรรมน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ใหม่ล่าสุด ที่ผสมสารเติมแต่งสูตรใหม่ เข้มข้นกว่าเดิมถึง 46% ซึ่งออกแบบเพื่อรองรับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ระบบฉีดตรง (GDI) เป็นรายแรก ช่วยให้หัวฉีดที่อุดตันกลับคืนสภาพเหมือนใหม่ คืนประสิทธิภาพหัวฉีดได้ 100% ด้วยสารชะล้างทำความสะอาดเทคโนโลยีล่าสุด เอ็กซ์ตร้า อินโน โพรเทคชั่น (Xtra Inno Protection) เพิ่มประสิทธิภาพการปกป้องขึ้น 2 เท่า พร้อมสารเอ็กซ์ตร้า ฟริคชั่น โมดิฟายเออร์ (Xtra Friction Modifier) สูตรใหม่ล่าสุด ทำให้เครื่องยนต์ไม่สะดุด ขับขี่ได้อย่างลื่นไหล เร่งแซงได้ดั่งใจ นอกจากนี้ ยังมีสารป้องกันสนิมสูตรใหม่ สร้างฟิล์มน้ำมันที่สามารถยึดเกาะกับผิวโลหะได้ดีขึ้น 5 เท่า ปกป้องชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ป้องกันการกัดกร่อน สำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์โดยเฉพาะ
ref: https://www.autospinn.com/2020/03/ptt-station-launch-extra-force-benzine-77733
2. บางจาก S EVO (แก๊สโซฮอล 95) สูตรใหม่เอี่ยมของบางจาก ในราคาเท่าน้ำมันเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บางจากแก๊สโซฮอล์ S EVO FAMILY ได้เพิ่มสารเพิ่มคุณภาพ S Dual Purifier และ S Turbo Modifier ที่ทำความสะอาดหัวฉีดได้ดีเยี่ยม เครื่องยนต์จึงเผาไหม้ได้สมบูรณ์ ทำให้เครื่องยนต์เดินลื่น แรงสุดพลังสะอาด จากการทดสอบ E20 S EVO กับรถยนต์รุ่นใหม่ระบบ GDI ช่วยให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น ดังนี้
- ทำความสะอาดหัวฉีดเครื่องยนต์ระบบ GDI ได้ 100 % ทำให้เผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์ ป้องกันหัวฉีดอุดตัน รถจึงวิ่งได้แรงขึ้น
- อัตราเร่งมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจากเดิม 56.7 % เป็นผลจากการที่แรงม้าและแรงบิดสูงขึ้น จึงเร่งแรงได้ในทุกสถานการณ์
- ป้องกันสนิมและการกัดกร่อนได้ในระดับ A Rating ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้ยาวนานขึ้น
- ได้รับมาตรฐาน Euro 5 เป็นรายแรกในเอเชีย ซึ่งมีค่ากำมะถันต่ำกว่า 10 PPM ดีต่อสิ่งแวดล้อม และยังลดมลภาวะจากการเผาไหม้ โดยลดคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 14% และลดไนโตรเจนออกไซด์ได้ถึง 50% ซึ่งเป็นต้นเหตุของภาวะโลกร้อนและฝนกรด
ref: https://www.autospinn.com/2020/06/bangchak-s-evo-family-79263
3. Esso Supreme Plus (แก๊สโซฮอล 95) น้ำมันพรีเมียม ราคาก็พรีเมียมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สูตรใหม่ที่พัฒนาขึ้นให้ดีกว่าเดิม ปกป้องเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ด้วย ชีลด์เทคโนโลยี (Shield Technology) นวัตกรรมระดับโลกในการปกป้องเครื่องยนต์ ด้วยการเพิ่มสารเพิ่มคุณภาพครบสูตรถึง 7 ชนิด เพื่อทำความสะอาดอย่างเหนือชั้น
- เครื่องยนต์สะอาดมากขึ้น 30%
- ปกป้องเครื่องยนต์ จากสิ่งสกปรกและคราบตะกรัน
- เพิ่มอัตราเร่ง เครื่องยนต์ตอบสนองดียิ่งขึ้น
- เครื่องยนต์เดินเรียบ คืนพลังให้เครื่องยนต์ทำงานเต็มสมรรถนะ
- ปกป้องเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันเอสโซ่สูตรธรรมดา
- ชีลด์ เทคโนโลยี (Shield Technology) คือนวัตกรรมใหม่ที่มีการเพิ่มสารทำความสะอาดและสร้างฟิล์มเคลือบชิ้นส่วนในห้องเผาใหม้ เพื่อปกป้องเครื่องยนต์ได้เพิ่มมากขึ้น และมีผลทำให้อัตราเร่งเพิ่มขึ้น เป็นผลจากการค้นคว้าและวิจัยของ ศูนย์วิจัยและวิศวกรรมของเอ็กซอน โมบิล ประเทศสหรัฐอเมริกา (EMRE -ExxonMobil Research and Engineering)
- ผลจากการทดสอบ ได้จากห้องทดลองเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันเอสโซ่สูตรธรรมดา
- ผลจากการประหยัดน้ำมัน ได้จากห้องทดลอง เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันเอสโซ่ดีเซลมาตรฐานสูตรเดิม ผลลัพธ์จากการใช้งานจริงอาจแตกต่างตามประเภทและสภาพของยานพาหนะ รวมถึงวิธีการขับขี่ของผู้ขับขี่
ref: https://www.fuels.esso.co.th/th-th/supreme-plus-gasohol-95
4. Shell V-Power (แก๊สโซฮอล 95) น้ำมันพรีเมียม ราคาก็พรีเมียมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เชลล์ขอแนะนำนวัตกรรมน้ำมันใหม่ล่าสุดของเรา น้ำมันเชลล์ วี-เพาเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 ที่มีสารทำความสะอาดมากกว่าถึงสามเท่าเมื่อเทียบกับน้ำมันเชลล์ ฟิวเซฟ'1 ทันทีที่คุณสตาร์ทเครื่องยนต์ น้ำมันเชลล์ วี-เพาเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 จะเข้าไปช่วยปกป้องเครื่องยนต์ ด้วยสารทำความสะอาดมากกว่าสูตรเดิมถึง 20% ‘2
ช่วยลดแรงเสียดทานของเครื่องยนต์:
น้ำมันเชลล์ วี-เพาเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 มีสารช่วยลดแรงเสียดทานตัวใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อทำให้ส่วนประกอบหลักของเครื่องยนต์ของคุณ ทำงานได้อย่างลื่นไหลยิ่งขึ้น
ช่วยทำความสะอาดวาล์วไอดี และหัวฉีดน้ำมัน:
คุณเคยใช้ฝักบัวที่หัวตันเนื่องจากมีคราบตะกรันเกาะติดหรือไม่แล้วหลังจากที่ทำความสะอาดคราบตะกรันเหล่านั้นออกไป คุณรู้สึกอย่างไรกับการทำงานของฝักบัวที่ดีขึ้น น้ำมันของเราก็เช่นกัน น้ำมันเชลล์ วี-เพาเวอร์ ช่วยกำจัดสิ่งสกปรกที่จับตัวอยู่บนวาล์วไอดี และหัวฉีดน้ำมัน ช่วยคืนพลังให้กับเครื่องยนต์ของคุณ ให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ‘4
ช่วยทำความสะอาดชิ้นส่วนสำคัญในระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง:
ด้วยเทคโนโลยีสารทำความสะอาดที่ดีที่สุดของเรา น้ำมันเชลล์ วี-เพาเวอร์ ทำหน้าที่เหมือนสบู่ที่คอยทำความสะอาดและปกป้องเครื่องยนต์ของคุณ
การบริโภคสารอาหารที่ดีช่วยให้นักกีฬาสามารถแข่งขันได้อย่างเต็มที่:
รถยนต์ก็เช่นกัน การใช้น้ำมันที่มีคุณภาพอย่างน้ำมัน เชลล์ วี-เพาเวอร์ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีไดนาเฟล็กซ์ จะช่วยคืนพลังให้เครื่องยนต์ของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ref: https://www.shell.co.th/th_th/motorists/shell-fuels/shell-v-power.html
รายละเอียดในการเทส
อาจจะละเอียดนิดนึงนะครับ จะได้เข้าใจว่ามีตัวแปรอะไรบ้างที่ผมไม่ได้ควบคุมให้เหมือนกันเป๊ะๆ..
1. น้ำมัน 2 ตัวแรก ผมเทสวันเดียวกัน ถนนเส้นเดียวกันและสตาร์ทจุดเดียวกัน โดยที่ (1)
PTT XTraForce ผมเทสช่วงตี 1 แล้วขับเบิร์นทิ้งจนเหลือน้ำมันติดถังน้อยมากแบบตกเกจล่างสุดไปเลย แล้วจึงเติมน้ำมันชนิดที่ (2)
บางจาก S EVO และขับวนอยู่สักพักแล้วจึงขับไปยังถนนที่จะเทสครับ น้ำมันชนิดที่ (2) เทสประมาณตี 3 คับ ..

ส่วนน้ำมันชนิดที่ (3) กับ (4) เรียกได้ว่าเป็นน้ำมันบ้านนอกครับ โดยที่ผมใช้ (2)
บางจาก S EVO ให้เหลือน้อยๆ แล้วเติม (3)
Esso Supreme Plus มาก่อนนิดหน่อยจาก กทม แล้วขับจนเหลือน้อยอีกครั้ง มาเติม (3) อีกทีที่สระบุรี จากนั้นไปจอดนิ่งอยู่บ้านเฉยๆ 2 วันเพราะฝนตกเลยไปเทสไม่ได้ ต่อมาในวันที่ 3 ก็มีฝนตกเช่นกันแต่ผมวนหาจนเจอ จุดที่ผมเลือกเทสนั้นแห้งสนิทครับ
จุดที่เทส (3) กับ (4) เป็นถนนลาดยาง ผมพยายามเลือกที่ๆราบเรียบ ไม่ลาดเอียง และถนนแห้ง มองด้วยตาไม่มีฝุ่นครับ (แต่ก็เดาว่าอาจจะมีนิดหน่อยไม่สะอาดเท่าใน กทม ครับ) ซึ่งผมเทส (3) ตอนทุ่มครึ่ง และเทส (4) ตอน 3 ทุ่มครึ่งครับ เทสในวันที่อากาศชื้นๆนิดนึง หลายๆแห่งแถบนั้นฝนตก แต่จุดที่ผมเทสแห้งสนิทครับ
ผมเติม (4)
Shell V-Power ที่ปั๊ม ต.ลำนารายณ์ (อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี) ซึ่งก็เป็นน้ำมันบ้านนอกเหมือนๆกับ (3) ครับ แต่เติมแล้ว ได้เทสเลย ไม่ได้จอดแช่แบบ (3) และสถานที่เทสก็จุดสตาร์ทก็เป็นที่เดียวกับ (3) ครับ แต่! มีข้อแตกต่างอีกอย่างคือ ผมไปซื้อของในเซเว่นมาก่อนจะเทส 3 และ 4 ประมาณถุงใหญ่ เดาว่าน่าจะราวๆ 3-4 โล (ไม่น่าจะมีผลทำให้แตกต่างเท่าไร) บวกกับตอนที่เทสน้ำมัน (1) และ (2) ผมเทสตอนที่น้ำมันชี้ที่ขีดที่ 1-1.5 แต่ตอนเทส (3) กับ (4) ขีดน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 2.5-3 ขีดครับ ก็คือไฟเตือนไม่ขึ้น ก็อาจจะหนักกว่ากันสัก 2-3 โล ครับ (ก็ไม่น่าจะมีผลทำให้แตกต่างเท่าไร)
สรุป ปัจจัยที่น่าจะมีผลให้การเทสแตกต่าง มีดังนี้
1. ถนนที่เทส คนละเส้นกัน ก็คือ (1) กับ (2) เทสใน กทม (3) กับ (4) เทสที่ถนนเส้นที่ไปเขาค้อ
2. เวลาเทสต่างกัน คือ (1) กับ (2) เทสตอนดึกๆ ตี 1-3 (อากาศเย็นกว่า เครื่องแรงกว่า) ส่วน (3) กับ (4) เทสตอนค่ำ ช่วง 1-3 ทุ่ม
3. สภาพอากาศต่างกัน (1) กับ (2) ฝนไม่ตก ความชื้นน้อย ส่วน (3) กับ (4) เป้นวันที่ฝนตก แม้จุดที่ผมเทสจะแห้งสนิท แต่อากาศก็น่าจะชื้นๆหน่อย
4. น้ำหนักต่างกัน (1) กับ (2) เบากว่า ส่วน (3) กับ (4) มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นราวๆ 5-8 กก. จากของเซเว่น และน้ำมันที่มากกว่า (ไม่น่ากระทบผลเทสมากนัก)
รถที่ใช้เทสเป็น Altis 2004 วางเครื่อง 2ZZ-GE กล่องเดิม แมพเดิม ยางเป็น Apollo Alnag 4G 195/60/15 (ตามสเปค) นะครับ ผมจะเทสด้วยการใส่เกียร์ 1 แล้วปล่อยรถไหลไปก่อน ความเร็วประมาณคนเดิน น่าจะ 3+- กม./ชม. แล้วค่อยกระทืบคันเร่งจม (เริ่มจับเวลาตอนกดคันเร่ง) ที่ทำแบบนี้เพราะลดความคลาดเคลื่อนจากการที่ใช้รอบออกตัวแล้วล้อมันฟลีทิ้งครับ และผมจะเทสแค่ 0-100 เท่านั้น (ที่ถูกน่าจะเรียกว่า x-100 มากกว่า)
ผมจะเทส 2 รัน โดยนำรันที่ดีที่สุดมาตัดต่อคลิปนะครับ เมื่อทุกท่านพร้อมแล้ว เชิญรับชมคลิปได้เลยครับ ..
สรุปผลการทดลอง
Shell V-Power ทำเวลาได้ดีที่สุด รองลงมาเป็นบางจาก S EVO และ Esso Supreme Plus และสุดท้ายเป็น PTT XtraForce ครับ บอกเพิ่มนิดนึงว่าหลังจากการทดลองน้ำมันนึงเสร็จ ผมจะต้องขับเบิร์นน้ำมันเก่าทิ้งให้ไกล้จะหมดก่อนเติมชนิดใหม่ลงไป ไม่รู้ว่าผมอุปทานไปเองหรือเปล่า Esso Supreme Plus เป็นน้ำมันที่หมดช้ามากๆครับ กระทืบแล้วกระทืบอีก ลดเกียร์ให้รอบสูงๆขับวนอยู่นานมากกกกกก กว่าเกจน้ำมันจะลดลงสักครึ่งขีด รู้สึกแตกต่างจากตอนที่เบิร์น ปตท กับบางจากทิ้งพอสมควรครับ
ผมเข้าใจว่าน้ำมันสูตรพรีเมียมของบางปั๊มปั๊มอาจจะไม่ได้ทำมาเน้นสมรรถนะความแรง แต่เน้นความสะอาดมากกว่า การเทสนี้อาจจะผิดวัตถุประสงค์หลักของน้ำมันพรีเมียมไปนิดนึงก็เป็นไปได้นะครับ แต่ก็หวังว่าจะถูกใจท่านที่สนใจ ถ้ามีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ และสุดท้ายผมแนบตารางสรุปผลการเทสมาด้วยครับ อย่างที่บอก ผมเทสน้ำมันละ 2 รันนะครับ ..
หมายเหตุ ตัวเลขในตาราง เป็นเวลาในการทดสอบอัตราเร่ง 0-100 ยิ่งตัวเลขน้อย ยิ่งดีครับ (หน่วยเป็นวินาที)
ฝากติดตามผลงานที่เพจ Need For Slow ด้วยครับ:
https://www.facebook.com/Needforslow247/
เพิ่มเติม ผมเคยเทสน้ำมัน Shell V-Power เทียบกับน้ำมันหลายชนิดของ Caltex เมื่อหลายปีที่แล้ว (น้ำมันอาจจะมีการปรับสูตรกันไปบ้างแล้วนะครับ) เผื่อท่านใดสนใจ ดูเป็นแนวทางครับ แต่หมายเหตุนิดนึงว่ากระทู้ปัจจุบันผมเทสแค่ 0-100 ผมจะถึง 100 ที่สุดเกียร์ 2 พอดี จึงทำเวลาได้ดีกว่ากระทู้นั้น ที่ผมเทส 0-180 ผมจะถึง 100 ที่เกียร์ 3 ซึ่งก็จะช้ากว่าประมาณครึ่งวินาทีครับ เลยเอามาเทียบกันตรงๆไม่ได้ครับ
https://pantip.com/topic/38349353
[CR] รีวิวสามัญชน: ทดสอบอัตราเร่ง น้ำมันเบนซิน ปตท. vs บางจาก vs เอสโซ่ vs เชลล์
1. PTT XTraForce (แก๊สโซฮอล 95) น่าจะเป็นน้ำมันปรับปรุงใหม่สูตรธรรมดา ผมตั้งใจเอามาเป็น Benchmark ของการทดลองครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2. บางจาก S EVO (แก๊สโซฮอล 95) สูตรใหม่เอี่ยมของบางจาก ในราคาเท่าน้ำมันเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3. Esso Supreme Plus (แก๊สโซฮอล 95) น้ำมันพรีเมียม ราคาก็พรีเมียมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
4. Shell V-Power (แก๊สโซฮอล 95) น้ำมันพรีเมียม ราคาก็พรีเมียมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รายละเอียดในการเทส
อาจจะละเอียดนิดนึงนะครับ จะได้เข้าใจว่ามีตัวแปรอะไรบ้างที่ผมไม่ได้ควบคุมให้เหมือนกันเป๊ะๆ..
1. น้ำมัน 2 ตัวแรก ผมเทสวันเดียวกัน ถนนเส้นเดียวกันและสตาร์ทจุดเดียวกัน โดยที่ (1) PTT XTraForce ผมเทสช่วงตี 1 แล้วขับเบิร์นทิ้งจนเหลือน้ำมันติดถังน้อยมากแบบตกเกจล่างสุดไปเลย แล้วจึงเติมน้ำมันชนิดที่ (2) บางจาก S EVO และขับวนอยู่สักพักแล้วจึงขับไปยังถนนที่จะเทสครับ น้ำมันชนิดที่ (2) เทสประมาณตี 3 คับ ..
ส่วนน้ำมันชนิดที่ (3) กับ (4) เรียกได้ว่าเป็นน้ำมันบ้านนอกครับ โดยที่ผมใช้ (2) บางจาก S EVO ให้เหลือน้อยๆ แล้วเติม (3) Esso Supreme Plus มาก่อนนิดหน่อยจาก กทม แล้วขับจนเหลือน้อยอีกครั้ง มาเติม (3) อีกทีที่สระบุรี จากนั้นไปจอดนิ่งอยู่บ้านเฉยๆ 2 วันเพราะฝนตกเลยไปเทสไม่ได้ ต่อมาในวันที่ 3 ก็มีฝนตกเช่นกันแต่ผมวนหาจนเจอ จุดที่ผมเลือกเทสนั้นแห้งสนิทครับ
จุดที่เทส (3) กับ (4) เป็นถนนลาดยาง ผมพยายามเลือกที่ๆราบเรียบ ไม่ลาดเอียง และถนนแห้ง มองด้วยตาไม่มีฝุ่นครับ (แต่ก็เดาว่าอาจจะมีนิดหน่อยไม่สะอาดเท่าใน กทม ครับ) ซึ่งผมเทส (3) ตอนทุ่มครึ่ง และเทส (4) ตอน 3 ทุ่มครึ่งครับ เทสในวันที่อากาศชื้นๆนิดนึง หลายๆแห่งแถบนั้นฝนตก แต่จุดที่ผมเทสแห้งสนิทครับ
ผมเติม (4) Shell V-Power ที่ปั๊ม ต.ลำนารายณ์ (อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี) ซึ่งก็เป็นน้ำมันบ้านนอกเหมือนๆกับ (3) ครับ แต่เติมแล้ว ได้เทสเลย ไม่ได้จอดแช่แบบ (3) และสถานที่เทสก็จุดสตาร์ทก็เป็นที่เดียวกับ (3) ครับ แต่! มีข้อแตกต่างอีกอย่างคือ ผมไปซื้อของในเซเว่นมาก่อนจะเทส 3 และ 4 ประมาณถุงใหญ่ เดาว่าน่าจะราวๆ 3-4 โล (ไม่น่าจะมีผลทำให้แตกต่างเท่าไร) บวกกับตอนที่เทสน้ำมัน (1) และ (2) ผมเทสตอนที่น้ำมันชี้ที่ขีดที่ 1-1.5 แต่ตอนเทส (3) กับ (4) ขีดน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 2.5-3 ขีดครับ ก็คือไฟเตือนไม่ขึ้น ก็อาจจะหนักกว่ากันสัก 2-3 โล ครับ (ก็ไม่น่าจะมีผลทำให้แตกต่างเท่าไร)
สรุป ปัจจัยที่น่าจะมีผลให้การเทสแตกต่าง มีดังนี้
1. ถนนที่เทส คนละเส้นกัน ก็คือ (1) กับ (2) เทสใน กทม (3) กับ (4) เทสที่ถนนเส้นที่ไปเขาค้อ
2. เวลาเทสต่างกัน คือ (1) กับ (2) เทสตอนดึกๆ ตี 1-3 (อากาศเย็นกว่า เครื่องแรงกว่า) ส่วน (3) กับ (4) เทสตอนค่ำ ช่วง 1-3 ทุ่ม
3. สภาพอากาศต่างกัน (1) กับ (2) ฝนไม่ตก ความชื้นน้อย ส่วน (3) กับ (4) เป้นวันที่ฝนตก แม้จุดที่ผมเทสจะแห้งสนิท แต่อากาศก็น่าจะชื้นๆหน่อย
4. น้ำหนักต่างกัน (1) กับ (2) เบากว่า ส่วน (3) กับ (4) มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นราวๆ 5-8 กก. จากของเซเว่น และน้ำมันที่มากกว่า (ไม่น่ากระทบผลเทสมากนัก)
รถที่ใช้เทสเป็น Altis 2004 วางเครื่อง 2ZZ-GE กล่องเดิม แมพเดิม ยางเป็น Apollo Alnag 4G 195/60/15 (ตามสเปค) นะครับ ผมจะเทสด้วยการใส่เกียร์ 1 แล้วปล่อยรถไหลไปก่อน ความเร็วประมาณคนเดิน น่าจะ 3+- กม./ชม. แล้วค่อยกระทืบคันเร่งจม (เริ่มจับเวลาตอนกดคันเร่ง) ที่ทำแบบนี้เพราะลดความคลาดเคลื่อนจากการที่ใช้รอบออกตัวแล้วล้อมันฟลีทิ้งครับ และผมจะเทสแค่ 0-100 เท่านั้น (ที่ถูกน่าจะเรียกว่า x-100 มากกว่า)
ผมจะเทส 2 รัน โดยนำรันที่ดีที่สุดมาตัดต่อคลิปนะครับ เมื่อทุกท่านพร้อมแล้ว เชิญรับชมคลิปได้เลยครับ ..
สรุปผลการทดลอง
Shell V-Power ทำเวลาได้ดีที่สุด รองลงมาเป็นบางจาก S EVO และ Esso Supreme Plus และสุดท้ายเป็น PTT XtraForce ครับ บอกเพิ่มนิดนึงว่าหลังจากการทดลองน้ำมันนึงเสร็จ ผมจะต้องขับเบิร์นน้ำมันเก่าทิ้งให้ไกล้จะหมดก่อนเติมชนิดใหม่ลงไป ไม่รู้ว่าผมอุปทานไปเองหรือเปล่า Esso Supreme Plus เป็นน้ำมันที่หมดช้ามากๆครับ กระทืบแล้วกระทืบอีก ลดเกียร์ให้รอบสูงๆขับวนอยู่นานมากกกกกก กว่าเกจน้ำมันจะลดลงสักครึ่งขีด รู้สึกแตกต่างจากตอนที่เบิร์น ปตท กับบางจากทิ้งพอสมควรครับ
ผมเข้าใจว่าน้ำมันสูตรพรีเมียมของบางปั๊มปั๊มอาจจะไม่ได้ทำมาเน้นสมรรถนะความแรง แต่เน้นความสะอาดมากกว่า การเทสนี้อาจจะผิดวัตถุประสงค์หลักของน้ำมันพรีเมียมไปนิดนึงก็เป็นไปได้นะครับ แต่ก็หวังว่าจะถูกใจท่านที่สนใจ ถ้ามีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ และสุดท้ายผมแนบตารางสรุปผลการเทสมาด้วยครับ อย่างที่บอก ผมเทสน้ำมันละ 2 รันนะครับ ..
หมายเหตุ ตัวเลขในตาราง เป็นเวลาในการทดสอบอัตราเร่ง 0-100 ยิ่งตัวเลขน้อย ยิ่งดีครับ (หน่วยเป็นวินาที)
ฝากติดตามผลงานที่เพจ Need For Slow ด้วยครับ:
https://www.facebook.com/Needforslow247/
เพิ่มเติม ผมเคยเทสน้ำมัน Shell V-Power เทียบกับน้ำมันหลายชนิดของ Caltex เมื่อหลายปีที่แล้ว (น้ำมันอาจจะมีการปรับสูตรกันไปบ้างแล้วนะครับ) เผื่อท่านใดสนใจ ดูเป็นแนวทางครับ แต่หมายเหตุนิดนึงว่ากระทู้ปัจจุบันผมเทสแค่ 0-100 ผมจะถึง 100 ที่สุดเกียร์ 2 พอดี จึงทำเวลาได้ดีกว่ากระทู้นั้น ที่ผมเทส 0-180 ผมจะถึง 100 ที่เกียร์ 3 ซึ่งก็จะช้ากว่าประมาณครึ่งวินาทีครับ เลยเอามาเทียบกันตรงๆไม่ได้ครับ
https://pantip.com/topic/38349353
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้